สัวสดีจ้า มาพบกันอีกแล้วกับบล็อคให้สาระความรู้ จากหัวประเด็นเราจะมาว่ากันในเรื่องราวที่เกี่ยวกับ กล้วยไข่ปลูกง่าย กำไรดี บางคนมองว่าเรื่อง วิธีปลูกกล้วยไข่ เป็นเรื่องธรรมดา เรื่องวิธีปลูกกล้วยไข่ส่งออก เป็นเรื่องปกติใครๆ ก็รู้ แต่สำหรับหลายๆ คนเรื่องราวเกี่ยวกับ การปลูกกล้วยไข่ ถือเป็นสิ่งที่ยังไม่รู้หรืออาจจะรู้แล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจ มาบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจ ก่อนที่จะเริ่มนำไปเป็นข้อมูล นำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติกัน กล้วยไข่เป็นผลไม้ที่นิยมบริโภคกันทั่วไป เนื่องจากมีรสชาติดี ลักษณะการเรียงตัวของผลและ สีผลสวยสะดุดตา ปัจจุบันส่งออกจำหน่ายต่างประเทศมากขึ้น ตลาดที่สำคัญ คือ จีนและฮ่องกง กล้วยไข่เป็นพืช ที่สามารถปลูกได้แทบทุกภาคของประเทศ ในพื้นที่ปลูกที่มีการจัดการการผลิตเพื่อให้ได้ทั้งปริมาณ และผลผลิต ตรงตามมาตรฐานคุณภาพตลาดต้องการ ปัญหาสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพของผลผลิต คือ การปนเปื้อนของ สารป้องกันกำจัดศตรูพืช ซึ่งอาจทำให้เกิดป้ญหาต่อสุขอนามัยของผู้บริโภค ตลอดจนการปนเปื้อนสู่ สิ่งแวดล้อมในระยะยาว ดังนั้น กระบวนการผลิตจึงต้องมีการปฏิบัติอย่างถูกต้องและเหมาะสม
- เป็นแหล่งนํ้าสะอาด ค่าความเป็นกรดด่างของนํ้าระหว่าง 5.0-9.0
1. กล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชร
ลักษณะกาบใบเป็นสีนํ้าตาลหรือช็อคโกแลต ร่องก้านใบเป็ดและขอบก้านใบขยายออก ใบมี สีเหลืองอ่อน ไม่มีนวล ก้านเครือมีฃนขนาดเล็ก ผิวเปลือกผลบาง ผลเล็ก เนื้อมีสีเหลือง รสชาติหวาน
2. กล้วยไข่พระตะบอง
ลักษณะกาบใบเป็นสีนํ้าตาลปนดำ สีของใบเข้มกว่าสายพันธุกำแพงเพชร รสชาติจะออกหวาน อมเปรี้ยว และผลมีขนาดใหญ่กว่ากล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชร
การพรวนดินภายหลังปลูกกล้วยไข่ประมาณ 1 เดือน ควรรีบทำการพลิกดินให้ทั่วทั้งแปลงปลูก เพื่อให้ดินเล็บ ความชื้นจากนํ้าฝนไวั้ให้มากที่สุด และเป็นการกำจัดวัชพืชไปด้วย ขณะที่รากกล้วยยังขยายไปไม่มากนัก การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชปีละ 3 ครั้ง ครั้งแรกพร้อม ๆ กับการพลิกดิน ส่วนครั้งที่ 2 และ 3 ให้พืจารณา จากปริมาณวัชพืช แต่จะทำก่อนที่ต้นกล้วยตกเครือ การให้ปุ๋ยใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 1 ครั้ง เช่น ปุยคอกหรือปุ๋ยหมักก่อนปลูกอัตรา 3-5 กิโลกรัมต่อหลุม ใส่ปุ๋ยเคมี 4 ครั้ง ครั้งที่ 1 และ 2 เป็นระยะที่กล้วยมีการเจริญเติบโตทางลำต้น ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 20-10-10 หรอ 15-15-15 อัตรา 125-250 กรัมต่อต้นต่อครั้ง หลังจากปลูก 1 และ 3 เดือน การให้ปุ๋ยเคมีครั้งที่ 3 และ 4 จะให้ปุยเคมี ภายหลังจากปลูก 5 และ 7 เดือน ซึ่งเป็นระยะที่กล้วยใกล้จะให้ผลผลิต จะให้ปุยเคมีสูตร 12-12-24 วิธีการใส่ปุยเคมี โรยห่างจากต้นประมาณ 30 เซนติเมตร หรือใส่ลงในหลุมลึกประมาณ 10 เซนติเมตร 4 ด้าน แล้วพรวนดินกลบ การให้นํ้าในฤดูฝน เมื่อฝนทิ้งช่วง เมื่อสังเกตหน้าดินแห้งและเริ่มแตก ควร'รีบ,ให้,นํ้า ในฤดูแล้งเริ่มให้นํ้าตั้งแต่หมดฝน ประมาณปลายเดือนมกราคม-พฤษภาคม วิธีการให้นํ้า
ใช้วิธีปล่อยให้นํ้าไหลเข้าไปในแปลงย่อยเป็นแปลง ๆ เมื่อดินมีความชุ่มชื้นดืแล้ว จึงให้แปลงอื่นต่อไป
รูปจาก : pinterest.com ใช้ประกอบบทความ กล้วยไข่ปลูกง่าย กำไรดี เท่านั้น |
กล้วยไข่ปลูกง่าย กำไรดี
สภาพพื้นที่กล้วยไข่ปลูกง่าย กำไรดี
- พื้นที่ดอน หรือพื้นที่ราบ ไม่มีนํ้าท่วมขัง
- ความสูงจากระคับนํ้าทะเลไม่เกิน 1,200 เมตร
- มีแหล่งนํ้าธรรมชาติ หรืออยูในเขตชลประทาน
- การคมนาคมสะดวก ลักษณะดิน
- ดินร่วน, ดินร่วนเหนียว หรือดินร่วนปนทราย
- มีความอุดมสมบูรณ์สูง ระบายนํ้าดี
- ระดับนั้าใต้ดินลึกมากกว่า 75 เซนติเมตร
- ค่าความเป็นกรดด่างของดินระหว่าง 5.0-7.0 สภาพภูมิอากาศ
- อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ระหว่าง 25-35 องศาเซลเซียส
- ปริมาณนํ้าฝนไม่น้อยกว่า 1,200 มิลลิเมตรต่อปี
- ไม่มีลมแรงพัดผ่านเป็นประจำ
- มีแสงแดดจัด
แหล่งน้ำกล้วยไข่ปลูกง่าย กำไรดี
- มีนํ้าใช้เพียงพอตลอดฤดูปลูก- เป็นแหล่งนํ้าสะอาด ค่าความเป็นกรดด่างของนํ้าระหว่าง 5.0-9.0
พันธุ์กล้วยไข่ปลูกง่าย กำไรดี
กล้วยมี 2 สายพันธุ์ คือ กล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชร และกล้วยไข่พระตระบอง พันธุ์ที่นิยม ปลูกเป็นการค้าคือ กล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชร1. กล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชร
ลักษณะกาบใบเป็นสีนํ้าตาลหรือช็อคโกแลต ร่องก้านใบเป็ดและขอบก้านใบขยายออก ใบมี สีเหลืองอ่อน ไม่มีนวล ก้านเครือมีฃนขนาดเล็ก ผิวเปลือกผลบาง ผลเล็ก เนื้อมีสีเหลือง รสชาติหวาน
2. กล้วยไข่พระตะบอง
ลักษณะกาบใบเป็นสีนํ้าตาลปนดำ สีของใบเข้มกว่าสายพันธุกำแพงเพชร รสชาติจะออกหวาน อมเปรี้ยว และผลมีขนาดใหญ่กว่ากล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชร
การปลูก/การเตรียมดิน กล้วยไข่ปลูกง่าย กำไรดี
- วิเคราะห์ดิน เพื่อประเมินค่าความอุดมสมบูรณ์ของธาตุอาหารพืซในดิน และความเป็นกรด ด่างของดิน ปรับสภาพดินตามดำแนะนำก่อนปลูก
- ไถพรวน ตากดินทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน เพื่อลดการระบาดของศัตรูพืช
- คราดเล็บเศษวัชพืชออกจากแปลง
- ช่วงเวลาการปลูก ในเขตภาคเหนือตอนล่าง ประมาณเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน วิธีการปลูก
- ปลูกด้วยหน่อใบแคบที่มีความสมบูรณ์ดื
- เตรียมหลุมปลูกขนาด 50x50x50 เซนติเมตร
- รองก้นหลุมด้วยปุยคอกอัตรา 5 กิโลกรัมต่อหลุม คลุกเคล้ากับหน้าดินรองก้นหลุมปลูก ถ้ามีการไว้หน่อ (ratoon) เพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อไปอีก 1-2 รุ่น ควรรองก้นหลุมด้วย หินฟอสเฟต อัตรา 100-200 กรัม/หลุม
- ระยะปลูก (1.5-1.75) x2 เมตร เป็นการปลูกเพื่อเล็บเกี่ยวผลผลิตเพียงครั้งเดียว แล้วรื้อ ปลูกใหม่ 2x2 เมตร เป็นการปลูกสำหรับไว้ตอหรือหน่อ (ratoon) เพื่อที่จะเล็บเกี่ยวผลผลิตของหน่อ (ratoon) อีก 1-2 รุ่น
- การปลูก วางหน่อพันธุ์ที่หลุมปลูกให้ถูก 25-30 เซนติเมตร โดยจัดวางหน่อพันธุ์ให้ด้านที่ติด กับต้นแม่อยู่ในทิศทางเดียวกัน กลบดินลงหลุมปลูกและกดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น แล้วรดนํ้าให้ชุ่ม
การพรวนดินภายหลังปลูกกล้วยไข่ประมาณ 1 เดือน ควรรีบทำการพลิกดินให้ทั่วทั้งแปลงปลูก เพื่อให้ดินเล็บ ความชื้นจากนํ้าฝนไวั้ให้มากที่สุด และเป็นการกำจัดวัชพืชไปด้วย ขณะที่รากกล้วยยังขยายไปไม่มากนัก การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชปีละ 3 ครั้ง ครั้งแรกพร้อม ๆ กับการพลิกดิน ส่วนครั้งที่ 2 และ 3 ให้พืจารณา จากปริมาณวัชพืช แต่จะทำก่อนที่ต้นกล้วยตกเครือ การให้ปุ๋ยใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 1 ครั้ง เช่น ปุยคอกหรือปุ๋ยหมักก่อนปลูกอัตรา 3-5 กิโลกรัมต่อหลุม ใส่ปุ๋ยเคมี 4 ครั้ง ครั้งที่ 1 และ 2 เป็นระยะที่กล้วยมีการเจริญเติบโตทางลำต้น ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 20-10-10 หรอ 15-15-15 อัตรา 125-250 กรัมต่อต้นต่อครั้ง หลังจากปลูก 1 และ 3 เดือน การให้ปุ๋ยเคมีครั้งที่ 3 และ 4 จะให้ปุยเคมี ภายหลังจากปลูก 5 และ 7 เดือน ซึ่งเป็นระยะที่กล้วยใกล้จะให้ผลผลิต จะให้ปุยเคมีสูตร 12-12-24 วิธีการใส่ปุยเคมี โรยห่างจากต้นประมาณ 30 เซนติเมตร หรือใส่ลงในหลุมลึกประมาณ 10 เซนติเมตร 4 ด้าน แล้วพรวนดินกลบ การให้นํ้าในฤดูฝน เมื่อฝนทิ้งช่วง เมื่อสังเกตหน้าดินแห้งและเริ่มแตก ควร'รีบ,ให้,นํ้า ในฤดูแล้งเริ่มให้นํ้าตั้งแต่หมดฝน ประมาณปลายเดือนมกราคม-พฤษภาคม วิธีการให้นํ้า
ใช้วิธีปล่อยให้นํ้าไหลเข้าไปในแปลงย่อยเป็นแปลง ๆ เมื่อดินมีความชุ่มชื้นดืแล้ว จึงให้แปลงอื่นต่อไป
สิ่งที่ควรทราบกล้วยไข่ปลูกง่าย กำไรดี
- การพูนโคน โดยการโกยดินเข้าสุมโคนกล้วย ช่วยลดปัญหาการโค่นล้มของต้นกล้วยเมื่อมีลมแรง โดยเฉพาะ ต้นตอที่เกิดขึ้นระยะหลังโคนจะลอยขึ้นทำให้กล้วยโค่นล้มลงได้ง่าย
- การแต่งหน่อ เครื่องมือที่ใข้ในการแต่งหน่อ คือ มีดยาวปลายขอ ชาวบ้านเรียกว่า มีดขอ การแต่งหน่อทุกครั้ง โดยเฉือนเฉียงตัดขวางสำต้นเอียงทำมุม 45 องศากับสำต้น โดยครั้งแรกเฉือนให้รอบเฉือนด้านล่างอยู่สูง จากโคนต้นประมาณ 4-5 นิ้ว หลังจากนั้นอีกประมาณ 20-30 วัน จึงเฉือนหน่อครั้งที่ 2 ให้รอบเฉือนครั้งใหม่ อยู่ทิศทางตรงข้ามกับรอยเฉือนครั้งก่อนและให้รอยเฉือนมุมล่างสุดครั้งใหม่อยู่สูงจากรอยเฉือนมุมบนครั้งก่อน 4-5 นิ้ว แต่งหน่อเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึงเวลาที่เหมาะสม ก็จะปล่อยหน่อให้เจริญเติบโตเป็นกล้วยตอ ต่อไป หรืออาจขุดหน่อไว้ สำหรับปลูกใหม่หรือขายก็ตาม การตัดแต่งและการไว้ใบ การไว้ใบกล้วยไขในระยะต่าง ๆ มีผลอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโต การปฏิบัติดูแลรักษาป้ญหาโรค และแมลง ตลอดจนผลผลิต และคุณภาพผลในช่วงแรกระยะการเจริญเติบโต ควรไว้จำนวน 12 ใบ ล้ามากกว่านี้ จะมีป็ญหาทำให้การปฏิบัติ ดูแลรักษาทำได้ยากสำบาก โรคแมลงจะมากขึ้นเกิดการแย่งแสงแดด สำต้นจะสูงบอบบางไม่แข็งแรง เกิด การหักล้มได้ง่าย ในทางตรงข้ามล้าจำนวนใบ มีน้อยเกินไปจะทำให้การเจริญเติบโตไม่ดิ สำต้นไม่สมบูรณ์ ดินสูญเสียความขึ้นได้เร็ว ป็ญหาวัซพืชจะมากขึ้นภายหลังกล้วยตกเครือแล้ว ควรตัดแต่งใบออก เหลือไว้เพียงต้นละ 9 ใบก็พอ ล้าเหลือใบไว้มากจะทำให้ ต้นกล้วยรับนั้าหนักมาก จะทำให้เกิดการหักล้มได้ง่าย ระยะกล้วยมีนํ้าหนักเครือมากขึ้น และล้าหากตัดแต่ง ใบออกมากเกินไป เหลือจำนวนใบไว้น้อย จะทำให้บริเวณคอเครือและผลกล้วยถูกแสงแดดเผา เป็นเหตุให้ กล้วยหักพับบริเวณคอเครือก่อนเก็บเกี่ยว และผลเสียหายไม่สามารถนำไปขายได้
- การคํ้าเครือ เมื่อกล้วยตกเครือจะมีนํ้าหนักมาก จึงควรป้องกันลำต้นหักล้ม ซึ่งกระทำไต้โดยการปึกหลัก ผูกยึด ติดกับลำต้นการปึกหลักต้องปึกลงไปในดินให้แน่นทิศทางตรงข้ามกับเครือกล้วยให้แนบชิดกับลำต้นกล้วยมากที่สุด เท่าที่จะทำไต้ ผูกยึดลำต้นกล้วยให้ตรึงกับไม้หลักสัก 3 ช่วง ดังนี้ คือ บริเวณช่วงโคนต้น กลางต้น และ คอเครือ โดยใช้ปอกล้วยหรือปอฟางก็ไต้ ถ้าใซไม้รวกสำหรับคํ้าเครือควรจะนำไปแช่นํ้า 15-20 วัน เสียก่อน แล้วนำมาตากแดดให้แห้งจึงค่อยนำไปใช้ การตัดปลีกล้วยใฃ่ที่มีการเจริญเติบโตและสมบูรณ์ หลังจากปลูก 7-8 เดือน ก็จะแทงปลี แต่ถ้า การเจริญเติบโตและความสมบูรณ์ไม่ดี การแทงปลีก็จะช้าออกไปอีก ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มแทงปลีจนถึงปลีคล้อยตัว ลงมาสุดจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน หลังจากนั้นปลีจะบาน ระยะเวลาตั้งแต่ปลีเริ่มบานหวีแรกจนสุด หวีสุดท้าย จะใช้เวลาอีกประมาณ 7 วัน รวมระยะเวลาตั้งแต่ออกปลี จนสามารถตัดปลีทิ้งประมาณ 15 วัน ทั้งนี้ ก็ฃี้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้นกล้วยและช่วงฤดูที่กล้วยตกปลี
- การเก็บเกี่ยว ปกติหลังจากตัดปลีแล้วประมาณ 45 วัน เป็นเวลาที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยว ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ ผลกล้วยอาจแตก และสุกคาต้น หรือที่ขาวสวนเรียกว่ากล้วยสุกลม รสชาติไม่อร่อย สีและผิวกระด้าง ไม่นวลสวยเหมือนที่นำไปบ่ม กล้วยไข่ที่ตกเครือในช่วงฤดูหนาว ซึ่งผลจะแก่ช้ามีผลทำให้อายุการเก็บเกี่ยวต้องยาวนานออกไป ถึง 50-55 วัน หลังตัดปลี สำหรับเรื่อง กล้วยไข่ปลูกง่าย กำไรดี
มาถึงตรงนี้คงเข้ากันแล้วเนาะ ว่ามีอะไรเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง หากจะพูดถึงเรื่องราวเหี่ยวกับ วิธีปลูกกล้วยไข่,วิธีปลูกกล้วยไข่ส่งออก,การปลูกกล้วยไข่ เราคงต้องดูกันยาวๆ มีหลายบทความที่ควรค่าแก่การนำมาแชร์ บอกต่อกัน เพื่อเป็นแนวทาง และเส้นทางให้เราเลือกและสามารถนำไปสานต่อกันได้อีก สำหรับครั้งนี้คงต้องขอตัวไปต่อยอดในเรื่องราวอื่นๆ ก่อนนะคะ ได้ผลยังไง หรือมีเทคนิค สาระดีๆ อะไรเพิ่มเติมก็จะมาบอกเล่าให้ฟังเช่นเคยจ้า ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น